“โมเดอร์นา” จ่อขายวัคซีนให้เอกชน แต่ต้องซื้อผ่าน อภ.

อนุทิน ชาญวีรกูล ยืนยันไม่กีดกันวัคซีน COVID-19 ทุกยี่ห้อ โดย “โมเดอร์นา” เตรียมขายวัคซีนให้ภาคเอกชน รพ.เอกชน แต่ต้องซื้อผ่าน อภ. ขณะที่ อย.คาดขึ้นทะเบียนได้ในเดือน พ.ค.นี้

วันนี้ (3 พ.ค.2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับผู้แทนบริษัทนำเข้าวัคซีน COVID-19 ของโมเดอร์นา โดยบริษัทซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ว่า จากการหารือมีความเข้าใจกันอย่างดี กระทรวงฯ พร้อมสนับสนุนการขึ้นทะเบียนวัคซีนโมเดอร์นา แต่ผู้ผลิตต้องส่งเอกสารตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดเพื่อการพิจารณา พร้อมกันนี้ยืนยันว่า รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้มีการกีดกันวัคซีนใด ๆ ที่เข้ามาเป็นวัคซีนทางเลือก ซึ่งวัตถุประสงค์ที่เขามาขึ้นทะเบียนเพื่อที่จะขายให้ภาคเอกชน รพ.เอกชน มีวัคซีนสำหรับผู้ที่จะรับการฉีดวัคซีนนอกระบบ รพ.รัฐ อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการเจรจาในสัดส่วนของภาครัฐ

บริษัทฯ ตั้งเงื่อนไขเอกชนต้องซื้อผ่าน อภ.

นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งสำคัญ คือ ผู้แทนบริษัทนำเข้าวัคซีนฯ ระบุโมเดอร์นาต้องขายผ่านรัฐบาล หรือหน่วยงานที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลเท่านั้น ไม่ขายให้เอกชนโดยตรง ซึ่งทุกบริษัทระบุเช่นนี้ ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข จึงให้คำยืนยันกับโมเดอร์นา ว่า เมื่อเอกชนไม่สามารถซื้อได้ เพราะติดเงื่อนไขจากทางบริษัทผู้ผลิต กระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เป็นผู้นำเข้าวัคซีน แต่ภาคเอกชนต้องยืนยันยอดการซื้อมาให้ อภ. เพราะ อภ.ไม่สามารถซื้อมาสต็อกเพื่อรอให้เอกชนมาซื้อต่อได้อีกทอดหนึ่งได้

 

ทั้งนี้ เอกชนสามารถซื้อวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยได้ ขณะนี้ของ AstraZeneca, Sinovac และ Johnson & Johnson ส่วนที่รอขึ้นทะเบียนอยู่มีไฟเซอร์ โมเดอร์นา และสปุตนิค V หากเอกชนติดต่อซื้อตรงได้ก็ดี ถ้าซื้อยังไม่ได้ก็ซื้อผ่าน อภ.


วัคซีนที่ใช้ทั่วโลกตอนนี้อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้ผลิตเขาขึ้นทะเบียนออกตัวว่านี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ไม่สามารถเรียกร้องการชดใช้อะไรได้ การสั่งผ่าน อภ. ทาง อภ.ก็จะมีบันทึกข้อตกลงไว้ว่า อภ.เป็นผู้นำเข้าเท่านั้น หากการนำไปใช้เกิดผลข้างเคียง หรืออาการไม่พึงประสงค์ อภ.ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบ

ต้องดูแลผลข้างเคียง-อาการไม่พึงประสงค์

รมว.สธ. กล่าวว่า เอกชนที่นำวัคซีนไปใช้ต้องแจ้งต่อผู้มารับการฉีดวัคซีนทราบ เพราะในส่วนของภาครัฐจะมีมาตรา 41 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ดูแลอยู่ แต่ไม่ทราบว่าครอบคลุมถึงเอกชนหรือไม่ ซึ่งเอกชนต้องมีมาตรการดูแลส่วนนี้ด้วย

นายอนุทิน กล่าวว่า การฉีดวัคซีนให้กับประชากรในประเทศไทย ขณะนี้ไม่มีความขัดแย้งอะไร จริง ๆ ไม่ได้มีกฎหมายบังคับให้ฉีด แต่เป็นสิทธิของประชาชน หากประสงค์รับวัคซีน รัฐก็มีวัคซีนให้ โดยชนิดวัคซีนอยู่กับจังหวะและวัตถุประสงค์ที่นำเข้ามา เช่น ไฟเซอร์ เจรจานำเข้าเพราะครอบคลุมไปถึงเด็กอายุ 12-18 ปี ดังนั้นเด็กอายุ 12-18 ปี ก็ต้องได้รับการพิจารณาก่อน

หากของไฟเซอร์มีมากพอก็พิจารณาให้กับกลุ่มอื่นได้ ส่วน Sinovac ก็มีคุณสมบัติในเรื่องระยะห่างเข็ม 1-2 ได้เร็ว ดังนั้นบุคลากรการแพทย์ คนทำงานหน้าด่านที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ก็จะได้รับวัคซีนนี้ก่อน ส่วน AstraZeneca สามารถรับวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 18 ปี ไปจนถึงสูงอายุ ซึ่งช่วงที่จำนวนยังมีจำกัดคนที่อายุยังไม่มากก็ต้องขอให้ฉีด Sinovac ก่อน ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เมื่อมีวัคซีนทั้งหลายเข้ามาจำนวนมากแล้ว อยากเลือกวัคซีนของบริษัทใดก็พยายามอำนวยความสะดวกให้ แต่ ณ วันนี้ไฟเซอร์ยังไม่เข้ามา เดือนหน้าก็มีแต่ AstraZeneca กับ Sinovac ก็ต้องดูสถานการณ์และความเหมาะสม

 

 

เมื่อถามว่าประชาชนมองว่าทำไมไม่ให้สิทธิประชาชนเลือกชนิดวัคซีนเอง นายอนุทิน กล่าวว่า “ไม่ได้สั่งวัคซีนทุกชนิดเท่ากันหมด ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขณะนี้ไม่มีก็ถามว่าทำไมไม่มีวัคซีน พอมีแล้วทำไมถึงไม่มียี่ห้อนี้” เพราะฉะนั้นเมื่อมีความต้องการที่หลากหลายรัฐก็ต้องเป็นผู้กำหนด

เมื่อถามย้ำว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคลากรการแพทย์เรียกร้องอยากฉีดวัคซีนของ AstraZeneca เพราะมั่นใจชนิดนี้มากกว่า นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้บุคลากรฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 90% ส่วนใหญ่ฉีด Sinovac ที่มีการปลุกระดมในโซเชียลมีเดียนั้นก็ทำไป


ยื่นเอกสารอีก 2 ยี่ห้อ

ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทวัคซีนโมเดอร์นา โดยบริษัทซิลลิค ยื่นเอกสารเข้ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ครบ 100% คาดว่าจะพิจารณาขึ้นทะเบียนได้ในเดือน พ.ค. นอกจากนี้ยังมีบริษัทบารัต ไบโอเทค เทคโนโลยี และ สปุตนิก V โดยบริษัทคินเจน ไบโอเทค จำกัด ที่ยื่นเอกสารเข้ามา แต่ยังส่งมาไม่ครบ

ทั้งนี้ อย. ต้องพิจารณาเรื่องการนำเข้าวัคซีน แม้ว่าวัคซีนตัวนั้น ๆ จะมีการขึ้นทะเบียนในต่างประเทศแล้ว เพื่อเป็นการคุ้มครองประชาชน

 

Next Post

คาดการณ์ขยะติดเชื้อจาก รพ.สนาม 1.82 กก.ต่อเตียงต่อวัน

จันทร์ พ.ค. 3 , 2021
อธิบดีกรมอนามัยเผย 4 เดือนแรกปีนี้ มีขยะติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มเฉลี่ยวันละ 28.4 ตัน คาดโรงพยาบาลมีขยะติดเชื้อ 2.85 กก.ต่อเตียงต่อวัน ขณะที่โรงพยาบาลสนาม 1.82 กก.ต่อเตียงต่อวัน วันนี้ (3 พ.ค.2564) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จนถึงวันที่ […]