โฆษกรัฐบาลทหาร “เมียนมา” กล่าวโทษผู้ประท้วงก่อความรุนแรง

ทางการเมียนมาขู่โอนธนาคารเอกชนมาเป็นของรัฐ หากยังไม่สามารถกลับมาเปิดทำการได้ตามปกติ ขณะที่โฆษกรัฐบาลทหารเปิดเผยหลักฐานการทุจริตของพรรคเอ็นแอลดี พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของประชาชน แต่กล่าวโทษว่า ผู้ประท้วงเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง

วันนี้ (23 มี.ค.2564) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ชาวย่างกุ้งใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพเหตุเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ ในขณะที่มีเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งจากคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ชิ้นนี้ จะเห็นว่ามีตำรวจจำนวนหนึ่งอยู่ในบริเวณใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีใครทราบสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว

 

 

ขณะที่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา มีการเผยแพร่ภาพปฏิบัติการโจมตีของเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในช่วงกลางคืนในหลายเมือง ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เนื่้องจากเจ้าหน้าที่ต้องการเดินหน้าเพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มต่อต้านรัฐประหารให้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

ด้านโฆษกรัฐบาลทหารแถลงว่ามีผู้ประท้วงเสียชีวิตไปแล้ว 164 คน และรัฐบาลรู้สึกเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งกล่าวโทษกลุ่มผู้ประท้วงว่าเป็นผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงและวางเพลิง จนทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตไป 9 นาย

 

 

นอกจากนี้ การหยุดงานประท้วงของบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทำให้โรงพยาบาลไม่สามารถให้บริการประชาชนได้เต็มที่ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต รวมไปถึงการเสียชีวิตจาก COVID-19 ด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเลยหน้าที่และไร้จริยธรรม

รัฐบาลทหารเมียนมาขู่ลงโทษสื่อที่ติดต่อกลุ่มตรงข้าม

นอกจากนี้ โฆษกรัฐบาลเมียนมายังได้กล่าวหาสื่อที่รายงานข่าวปลอมและโหมกระพือความไม่สงบ รวมทั้งขู่ว่าผู้สื่อข่าวอาจถูกดำเนินคดี หากติดต่อกับกลุ่มซีอาร์พีเอช หรือ คณะกรรมการผู้แทนรัฐสภาเมียนมา เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย

 

 

โฆษกรัฐบาลทหารยังได้กล่าวหาอีกว่า พรรคเอ็นแอลดีปลอมบัตรลงคะแนนเลือกตั้งในหลายเขต รวมทั้งเผยแพร่วิดีโอของผู้ที่ถูกอ้างว่าได้รับเงินซื้อเสียงจากตัวแทนพรรคเอ็นแอลดี และคลิปวิดีโอของอดีตมุขมนตรีภาคย่างกุ้ง ที่ระบุว่า ได้เข้าพบ ซู จี หลายครั้ง โดยมอบเงิน ทองคำและผ้าไหมให้ตามที่ถูกร้องขออีกด้วย

เมียนมาขู่โอนธนาคารเอกชนเป็นของรัฐหากไม่เปิดทำการ

ส่วนความเคลื่อนไหวในภาคการเงินการธนาคารของเมียนมา ซึ่งกำลังเผชิญกับภาวะชะงักงันจากการหยุดงานประท้วงตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักข่าวฟรอนเทียร์ เมียนมา รายงานอ้างแหล่งข่าวว่าสภาบริหารรัฐที่นำโดย พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย และธนาคารกลางเมียนมา ยกระดับการกดดันธนาคารเอกชนในประเทศให้กลับมาเปิดทำการอีกครั้ง ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

 

 

โดยมาตรการกดดันดังกล่าวรวมถึงการขู่ว่าธนาคารที่ไม่ปฏิบัติตามอาจถูกโอนมาเป็นของรัฐ หรือบังคับให้เปิดทำการ ซึ่งส่งผลให้ธนาคารท้องถิ่นเริ่มทยอยกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง แต่การให้บริการยังคงจำกัด เนื่องจากพนักงานจำนวนไม่น้อยยังคงไม่กลับมาทำงาน

นักเคลื่อนไหวในญี่ปุ่นเรียกร้องยกระดับกดดันเมียนมา

ส่วนท่าทีในต่างประเทศ นักเคลื่อนไหวชาวเมียนมาในญี่ปุ่นเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นและประชาคมโลก ดำเนินมาตรการแข็งกร้าวมากขึ้น เพื่อยุติการสังหารประชาชนในเมียนมา พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการบังคับใช้มาตรการห้ามส่งออกอาวุธเพื่อกดดันกองทัพเมียนมา

 

“จีน-รัสเซีย” เตือนเมียนมาป้องกันต่างชาติหาประโยชน์

ขณะที่เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เข้าหารือกับหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน โดยทั้งคู่แสดงความกังวลอย่างมากต่อสถานการณ์ในเมียนมา พร้อมทั้งแสดงจุดยืนสนับสนุนทุกฝ่ายในเมียนมา เพื่อหาทางออกทางการเมืองในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมาย หลีกเลี่ยงความขัดแย้งและเหตุนองเลือด รวมทั้งป้องกันต่างชาติเข้าหาผลประโยชน์จากวิกฤตที่เกิดขึ้นและเดินหน้าเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“อียู” เตรียมคว่ำบาตรผู้ก่อรัฐประหารเมียนมา 11 คน

เปิดกลไกความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา

บุคลากรการแพทย์เมียนมาประท้วงต้านรัฐประหาร 

 

 

Next Post

รอลุ้น "คนละครึ่งเฟส 3" พ.ค.นี้

พุธ มี.ค. 24 , 2021
กระทรวงการคลัง คาดได้ข้อสรุปมาตรการ “คนละครึ่ง เฟส 3” หลังช่วงเทศกาลสงกรานต์ และอาจเปิดลงทะเบียน ในเดือน พ.ค.นี้ วันนี้ (23 มี.ค.2564) มาตรการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 2 ที่กำลังจะสิ้นสุดมาตรการ ในวันที่ 31 มี.ค.นี้ น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคล […]