ภาคเอกชนมองว่าปัญหาการเลื่อนฉีดวัคซีนอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เรียกร้องรัฐบาลเร่งพิจารณานโยบายเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวจากประเทศเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง
วันนี้ (12 มี.ค.2564) นายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีน ว่า ตามปกติการทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนต้องใช้เวลาหลายปี แต่กรณีของวัคซีน COVID-19 ในทุกยี่ห้อ ได้รับการอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีพิเศษ จึงมีการตั้งคำถามตั้งแต่แรกอยู่แล้วเกี่ยวกับการป้องกัน และจากเหตุการณ์ล่าสุด เชื่อว่าจะมีผลต่อความเชื่อมั่นระดับหนึ่ง แต่จะกระทบต่อเศรษฐกิจมากแค่ไหนต้องรอหลังการตรวจสอบ นอกจากนี้อาจกระทบต่อแผนการฉีดวัคซีนด้วย
พอเกิดการชะงักงัน อาจทำให้แผนการฉีดตามกำหนดที่วางไว้ให้เสร็จภายในสิ้นปี และปีหน้าเริ่มมีนักท่องเที่ยวมา ก็อาจจะช้าออกไป จนกว่าจะมีคำตอบการตรวจสอบที่ชัดเจน
ขณะที่นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาเชิงเทคนิคของวัคซีน เชื่อว่าจะไม่กระทบความเชื่อมั่นการท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. ยังคงเป็นกลุ่มผู้จำเป็นต้องเดินทางเข้ามาทำธุรกิจ หรือรักษาพยาบาล มากกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันไทยยังคงมาตรการกักตัว ซึ่งกระทบต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวมากกว่า
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากยังคงต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย เนื่องจากไทยได้รับการยอมรับจากองค์การอนามัยโลก ว่าเป็นประเทศหนึ่งที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ดี แม้ประชากรในประเทศส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19
นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งพิจารณานโยบายเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำถึงปานกลาง และประเมินว่าหากรัฐบาลสามารถเปิดประเทศได้ตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากกว่า 6 ล้านคน แต่หากเปิดประเทศในช่วงเดือน ต.ค. อาจเหลือเพียง 3 ล้านคน ซึ่งจะกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวรุนแรง เนื่องจากประเทศคู่แข่งเริ่มเปิดประเทศโดยไม่กักตัวแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สธ.แจงเหตุผลชะลอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ขอรอผลสืบค้น
“อนุทิน” ชี้ฉีดวัคซีนคนไทยต้องปลอดภัย ไม่พับฉีด “sinovac”