เยอรมนีสั่งระงับการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทแอสตราเซเนการ่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดให้แก่กลุ่มคนที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี โดยจะจำกัดเอาไว้ให้ใช้เฉพาะผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง COVID-19 เท่านั้น
วันนี้ (31 มี.ค.2564) อังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระบุว่าคณะกรรมการวัคซีนของเยอรมนีพิจารณาแล้วว่าไม่สามารถเพิกเฉยต่อกรณีการพบภาวะลิ่มเลือดอุดตันหลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาได้ จึงประกาศกฎใหม่ในการฉีดวัคซีนตัวนี้ โดยจะจำกัดการใช้งานสำหรับผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปเท่านั้น รวมถึงผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปีที่เป็นกลุ่มเสี่ยงได้รับอันตรายจาก COVID-19 หรือฉีดให้เฉพาะบุคลากรทางการแพทย์ก่อน
ส่วนคนทั่วไปที่อายุต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว สามารถเลือกได้ว่าจะเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 หรือรอข้อสรุปและคำแนะนำจากหน่วยงานกำกับดูแลยาของเยอรมนี
ท่าทีนี้เกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาของเยอรมนีพบกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำในสมองที่พบได้ยาก ในผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา 31 คน จากผู้ที่ฉีดวัคซีนไปแล้วร่วม 2,700,000 คนเฉพาะในเยอรมนีเอง ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตไป 9 คน แม้ว่าก่อนหน้านี้สำนักงานยายุโรปจะสรุปว่ากรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีนตัวนี้ และการฉีดวัคซีนให้ประโยชน์มากกว่าจะก่อให้เกิดความเสี่ยง
การตัดสินใจครั้งนี้จะทำให้แผนการเร่งฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ของเยอรมนีล่าช้าลงไปอีก หลังจากต้องระงับการใช้วัคซีนตัวนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้แคนาดาสั่งระงับการฉีดวัคซีนตัวนี้ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปีไปแล้ว