ไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เสนอปิดสถานบันเทิงถาวร หลังเป็นต้นตอ “ซูเปอร์สเปรด เดอร์” ระลอก 3 หวังตัดวงจร COVID-19 เร่งตรวจหาเชื้อ-ฉีดวัคซีน ห่วงเชื้อแพร่เร็วกลายพันธุ์
วันนี้ (7 เม.ย.2564) ศาสตราจารย์ นพ.นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ กรณีมีข้อเสนอเคอร์ฟิว กทม.และปริมณฑล และเสนอให้ปิดสถานบันเทิง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ว่า ข้อเสนอดังกล่าวเพื่อต้องการให้หยุดการแพร่เชื้อ COVID-19 ไม่เช่นนั้ นตัวเลขคนติดเชื้อจะพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนรับไม่ไหวโดยเฉพาะในกทม.การติดตามสอบสวนโรคเป็นไปด้วยความยากลำบากกว่าในต่างจังหวัด
สาเหตุที่เสนอให้เคอร์ฟิว เพราะหลังจาก 21.00 น. ไปแล้วไม่มีกิจกรรมใดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคน ส่วนใหญ่จะเป็นแหล่งอบายมุข ซึ่งส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่าย และการแพร่ระบาดรอบนี้ข้อมูลเบื้องต้นยืนยันว่าเป็นเชื้อกลายพันธุ์จากประเทศอังกฤษที่แพร่ได้เร็วกว่าเชื้อ COVID-19 ระยะแรก
อ่านข่าวเพิ่ม “หมอนิธิ” ชงเคอร์ฟิว กทม.หยุดวงจร COVID-19
ชี้คลัสเตอร์บันเทิง “ซูเปอร์สเปรดเดอร์”
ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า ช่วงนี้ถ้าสังเกตกลุ่มคนติดเชื้อ COVID-19 เป็นวัยกลางคน และอายุน้อย และพบในกลุ่มคนที่ที่มีสถานะกลาง ไปถึงสถานะสูง ซึ่งปกติกลุ่มนี้ จะเป็นคนที่มีสุขภาพดี ไม่มีอาการเป็นระยะเวลานานกว่าจะไปตรวจพบเชื้อ บางคนไม่มีอาการเลย ตรงนี้เป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศ
กลุ่มเหล่านี้ และจะแพร่ได้รวดเร็ว และไปสถานที่เสี่ยงไม่ควรจะไป ไปสถานบันเทิง ดังนั้นข้อเสนอคือควรจะตัดวงจรก่อน และไปไล่จับคนที่ติดเชื้อและเสี่ยงไปแพร่กระจายกับคนอื่นๆ
เมื่อถามว่าการเสนอเคอร์ฟิวจะกระทบกับหลายกลุ่ม นพ.นิธิ ระบุว่า ไม่ใช่คนมีอำนาจ แต่ถ้ามีอำนาจ จะเสนอให้จะปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ อย่างน้อย 1-2 ปี หรืออย่างถาวรหรือยาว ซึ่งยอมรับว่ากระทบกับคนทำมาหากินที่เกี่ยวข้อง แต่มองว่าการสู้กับเชื้อโรคต้องคิดนอกกรอบ คนต้องทำมาหากิน แต่รัฐบาลจะช่วยได้โดยบอกตรงๆว่าอาชีพไม่ให้เปิด และสนับสนุนเขาด้วยหาอาชีพอื่นๆทดแทน หรือหาทางช่วยส่วนคนอื่นต้องห้ามโวย เช่น เปิดร้านขายอาหาร ผมว่าทำได้ เพราะะคนจำเป็นแค่อาหาร การกิน ที่อยู่อาศัย ทุกคนต้องเข้าใจ เพราะถ้าแต่ให้เปิดก็จะแย่อีก
กทม.สั่งปิดสถานบันเทิงใน 3 เขต และในจังหวัดอื่นๆ ข้อเสนอเสนอปิดสถานบันเทิง 1-2 ปี และหาอาชีพที่ส่งเสริมเขาได้
เร่งตรวจหาเชื้อ-ฉีดวัคซีนห่วงเชื้อกลายพันธุ์
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่ารอบนี้เป็นการระบาดระลอก 3 ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ กล่าวว่า เท่าที่เห็น 48 ชั่วโมงยังตามจับตัวลำบาก คนที่ไปสถานบันเทิงมาแล้ว อาจจะไม่ยอมปรากฎตัว หรือบอกคนอื่น หรือบอกไม่หมด เพราะอาจจะกลัวๆกล้าๆ จุดนี้เองที่น่ากังวลจะทำให้การสอบสวนโรคเป็นไปได้ยาก กว่าเรื่องจะแดงขึ้นมาก็ไปเจอคน 10-30 คนจนมีการระบาดแพร่เชื้อในวงกว้าง
ครั้งนี้สถานบันเทิงที่พบเป็นซุปเปอร์สเปดเดอร์แล้ว มากกว่าคลัสเตอร์สนามมวย และสถานบันเทิงที่เคยเกิดขึ้นในระลอกแรก แต่ขอร้องให้กลุ่มคนที่ไปในสถานที่เสี่ยงเหล่านี้ต้องอย่ากลัวที่จะยอมรับ ไปตรวจและหาวิธีกักตัว
นอกจากนี้ในส่วนของต่างจังหวัดมองว่าอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ยังมีความเข้มแข็งที่จะช่วยในการคัดกรอง ส่วนจะทันหรือไม่เพราะคนยังเดินทางในเทศกาลสงกรานต์ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ากังวล แต่ต้องยอมรับว่าการระบาดระลอก 3 แล้ว ส่วนตัวเลขจะหลักร้อยจนถึงหลักพันคนต่อวันหรือไม่ ขอว่าอย่าให้ไปถึง แม้ว่าตอนนี้ตัวเลขจะุทะยานขึ้นทุกวัน และไม่ต้องกังวลไวรัสมาแล้วไป และเราต้องตั้งสติ และระวังตัว และมีจิตสำนึกในการป้องกัน ต้องชนะ ใจเย็นๆระมัดระวังตัว มีจิตสำนึกป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนเศรษฐกิจขอให้คิดนอกกรอบ
ส่วนของที่เป็นกรรมการที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ชุดที่มี นพ.จรัส สุวรรณเวลา ได้ทำข้อเสนอเรื่องการตรวจหาเชื้อ และฉีดวัคซีนให้กับคนไทยโดยเร็ว เพราะแม้วัคซีนจะป้องกันได้ระดับเท่าเดิม แต่เชื้อสายพันธุ์นี้แพร่กระจายง่ายและเร็ว น่ากังวลว่าเชื้อจะกลายกลายพันธุ์เพื่อปรับตัวได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใครเที่ยว! 7 ผับดังทองหล่อรีบตรวจ COVID-19 “พีอาร์” ติดเชื้อ
ชี้เชื้อในสถานบันเทิงเป็น “สายพันธุ์อังกฤษ” แพร่เร็วกว่า 1.7 เท่า