จ.เชียงใหม่ เป็นหนึ่งในพื้นที่อัตราผู้ติดเชื้อ COVID-19 สูง ประชาชนลดการเดินทางออกนอกบ้าน จึงส่งผลกับผู้ค้าและลูกจ้าง ขายของได้น้อยลง พนักงานบางส่วนถูกปรับลดเวลาทำงาน ทำให้พวกเขารายได้หายไป
วันนี้ (19 เม.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางฉุ่ย ฉงจาง เจ้าของร้านข้าวมันไก่ ย่านถนนนิมมานเหมินท์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เช็ดถูทำความสะอาดโต๊ะ เก้าอี้ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในร้าน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า แต่หลังการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19
และ จ.เชียงใหม่ ถูกประกาศให้อยู่ในพื้นที่สีแดง ส่งผลให้ลูกค้าหายเกือบทั้งหมด จากเคยขายได้วันละ 5,000-6,000 บาท ขณะนี้เหลือไม่ถึง 1,000 บาท ขณะนี้จึงยังเปิดร้านต่อ เพื่อพยุงร้านให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตให้ได้
ไม่แตกต่างจากร้านกาแฟแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ จากเคยเปิดให้บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง เคยมีลูกค้ามาใช้บริการวันละกว่า 100 คน แต่ขณะนี้เงียบเหงา ประกอบกับต้องปิดร้านตามคำสั่งของรัฐบาล เวลา 21.00 น. ลูกค้าลดลงไปกว่าร้อยละ 80
ทางร้านมีรายได้ลดลงจึงต้องลดเวลาทำงานพนักงาน โดยให้สลับกันหยุด ส่งผลให้พนักงานมีรายได้ลดลงกว่าร้อยละ 40
การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 3 ทำให้บรรยากาศท่องเที่ยวใน จ.เชียงใหม่ แทบไม่มีนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการโรงแรม ระบุ ที่ผ่านมาได้เลิกจ้างพนักงานไปแล้วกว่าร้อยละ 60 เพื่อประคองธุรกิจ
แต่มารอบนี้คาดว่าจะหนักกว่า จึงอยากให้ภาครัฐใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้นกว่านี้ เพื่อแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นวิกฤตโดยเร็ว
สำหรับ จ.เชียงใหม่ ธุรกิจส่วนใหญ่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก อดีตมีนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและคนไทยเที่ยวปีละกว่า 10 ล้านคน มีรายได้กว่า 1 แสนล้านบาท แต่การแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ส่งผลให้รับผลกระทบหนัก
การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 ผู้ประกอบการคาดว่าหากรุนแรงและยาวนาน อาจต้องมีการเลิกจ้างพนักงาน รวมถึงทยอยเลิกกิจการเพิ่มอย่างแน่นอน
