อ่วมเลย “อ.ยิ่งศักดิ์” พิษโควิดธุรกิจขาดทุนกว่า 6 ล้าน คิดปิดโรงเรียนสอนทำอาหาร

อ.ยิงศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ ครูสอนทำอาหารและพิธีกรฝีปากกล้า เผยผลกระทบหลังเจอวิกฤตโควิด 19  โรงเรียนสอนทำอาหารโดนปิดขาดทุนกว่า 6 ล้านบาท สถานะหัวใจโสดมา 10 ปี ใน รายการคุยแซ่บ SHOW ที่มี หนิง-ปณิตา ธรรมวัฒนะ และ เป๊กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

โควิดทำกระอัก

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็คงเหมือนคนทั่วไปที่เจอ โรคมันมาชีวิตความเป็นอยู่ก็เปลี่ยนไปมันเป็นหายนะ เพราะโควิดรอบที่ 1 เราก็ตกอกตกใจ รอบที่ 2 เราก็เสียวไส้ว่ามันมาอีกแล้ว มารอบที่ 3 ก็ฉิบหายวายป่วงหมดเมือง”

อ.ยิ่งศักดิ์ : “จริงๆ แล้วเราเป็นคนทำงานตลอดเวลา ก็ไปโน่นไปนี่ ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองไปเฉียดโควิดนั้นเป็นหายนะเป็นวิบากกรรมอะไรที่ซวยซ้ำซวยซ้อนมาก คือวันนั้นเราไปทำงานปกติเราก็ไม่คิดอะไร แล้วพิธีกรที่นั่งใกล้ ซึ่งเราก็เข้าใจแล้วเขาก็ออกมาขอโทษแล้ว คือรุ่นน้องมะตูม พอเราไปออกงานเสร็จเราก็กลับ วันรุ่งขึ้นเราไปออกงานกับผู้ใหญ่  มีรัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษา มีปลัดกระทรวงศึกษา มีรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุข และเราก็ไปยืนอยู่กลางงานกระทรวงสาธารณะสุข แล้วเราก็สัมผัสกับผู้ใหญ่ในอาทิตย์นั้น 4-5 กระทรวง ท่านทั้งหลายเหล่านั้นเลยต้องพลอยฟ้าพลอยฝนหยุดไปด้วย คือถ้าติดวันนั้น ครึ่งสภาแย่แน่เลย แต่อ.ยิ่งศักดิ์อยากจะบอกว่า ต่อให้หนิงหรือเป๊กกี้เป็น แล้วเราใส่แมส เราดูแลตัวเอง เดี๋ยวก็ฉีดแอลกอฮอลล์ล้างมือ กลับบ้านก็เปลี่ยนเสื้อผ้า คิดว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดถ้าเรารู้จักดูแลตัวเอง”

เห็นว่าสุขภาพคุณ แม่ไม่ดี ต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยๆ

อ.ยิ่งศักดิ์ : “คือใครๆ ก็จะบอกกันว่าไม่จำเป็นอย่าไปโรงพยาบาล เพราะโรงพยาบาลจะมีผู้ป่วยเยอะ ทั้งรู้ตั้วและไม่รู้ตัวว่าติดโควิดหรือไม่ เพราะฉะนั้นการเข้าโรงพยาบาลจะต้องสัมผัส แต่คุณแม่ของอ.ยิ่งศักดิ์นั้นอายุ 92 ท่านต้องฟอกไตวันเว้นไว แล้วโรงพยาบาลอยู่ใจกลางกรุงเทพ ในขณะที่ลูกต้องขับไปบ้าง น้องสาวต้องขับไปบ้าง ต้องเอาคุณย่าใส่รถอุ้มขึ้นอุ้มลงแล้วนั่งรอ 4-5 ชั่วโมงตอนฟอกไต เพราะระหว่างฟอกไตมันมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นได้เสมอ เราก็จำเป็นต้องไป เราก็กลัวคุณแม่จะติดโควิดไหม แต่โรงพยาบาลทุกแห่งเขาก็มีมาตราการดูแลดี ถามว่าคุณแม่กังวลไหม คุณแม่ของอ.ยิ่งศักดิ์ใจคอเข้มแข็งมาก นั่งทานข้าวด้วยกัน ท่านก็บอกว่าโรคภัยไข้เจ็บมันก็มา ฉันเจอมาตั้งกี่หนแล้วในชีวิต ท่านก็เล่าว่าสมัยก่อนโรคห่ามาแกไม่รู้หรอกเข้าส้วมแล้วก็ไม่มาเลย ท่านหมายความว่าท้องเสียตายในส้วม แล้วท่านก็ยังบอกตอนฝีดาษระบาด ท่านก็บอกว่ายิ่งแย่ใหญ่เลย เอาแคร่ไปวางไว้ในสวน เอาใบตองปูห่อข้าวแล้วเขวี้ยงให้เขากิน เพราะไม่กล้าไปใกล้ คือแกกลัวแต่เพียงรู้สึกว่าวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไป คือเมื่อก่อนบ้านมันห่างกัน แต่เดี๋ยวนี้บ้านมันติดกัน บ้างข้างๆ ไอเปิดหน้าต่างมาเชื้อโรคก็เข้าบ้านเรา  อย่างตอนที่เรากักตัว เพื่อนบ้านเขารังเกียจ คืออ.ยิ่งศักดิ์เข้าใจว่าคนไทยจำนวนหนึ่ง มีความเข้าใจผิด  บางคนก็เยอะ คือถ้าเขาแสดงอาการสนใจเราก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าแสดงอาการรังเกลียดมันจะทำให้เกิดความารู้สึกไม่ดีกับคนที่เราคุยกัน คนที่รักๆ กันแล้วมาคุยแบบนี้เราก็รับไม่ได้”

เห็นว่าโควิดกระทบงานในวงการ

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ถ้าเป็นงานในวงการบันเทิงมันก็เหลือน้อยลงจนแทบไม่มี คือถ้าไม่มีรายการทำกับข้าวที่ยืนได้คนสองคนในสตู แต่รายการของเราที่ทำ คือ กับข้าวกับปลาก็ซื้อลำบาก ตลาดโน้นก็ปิดตลาดนี้ก็ปิด พอต้องไปซื้อของในห้าง ของบางอย่างก็มีไม่ครบ ก็เรียกว่าทำกับข้าวลำบาก ส่วนงานพิธีกรก็เกือบไม่เหลือแล้ว อ.เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ 3-4 สินค้า ทุกสินค้าก็ชะลอตัวหมด เดือนหนึ่งๆ รายได้ก็หายไปเยอะ”

ธุรกิจการสอนก็กระทบ

อ.ยิ่งศักดิ์ : “คือเรามีโรงเรียนสอนทำอาหารเป็นระดับมหาวิทยาลัย ในความควบคุมของกระทรวงศึกษาธิการ เรามีสอนระยะสั้น ยังมีปวช เรียน 3 ปี เรียนต่อปวส 2 ปี ได้อนุปริญญา ทีนี้กระทรวงศึกษาธิการประกาศเพราะโควิดมา เด็กก็ต้องเรียนระบบออนไลน์ ซึ่งมันยาก เพราะวิชาชีพไม่สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างมีมาตราฐาน อ.ยิ่งศักดิ์ขอยืนยัน เพราะฉะนั้น ตอนนี้เพื่อไม่ให้เกิดการขาดตอน นักเรียน ก็จะเรียนกับครูผ่านออนไลน์ไปบ้าง ให้การบ้านผ่านไลน์กลุ่มบ้าง อันนี้ก็เป็นเพียงแค่ชั่วคราว แต่อ.ยิ่งศักดิ์ก็ยังไม่เห็นว่าหลังจากนี้จะต้องใช้ระบบไหน คือมันยังไม่ออกมา ถามว่ามีคนขอค่าเทอมคืนไหม คือค่าเทอมที่เก็บมาอย่าคิดว่าอ.ยิ่งศักดิ์ได้กำไร  บางคนก็บอกว่าลูกไม่ได้ไปเรียน 2-3 เดือนค่าเทอมจะคืนไหม แอร์ก็ไม่ได้เปิด เราก็รู้สึกลำบากใจ เพราะชั่วโมงนี้หากเรามองเรื่องเงินที่จะเอาคืน หรือจะมองความปลอดภัยของลูกหลานของเราที่ไม่ได้มาโรงเรียน คือเราก็อยากเปิดสอน แต่ถ้ามาแล้วติดโควิดจะทำอย่างไร คือเราแค่เลื่อนไป เราไม่ได้หยุด เรื่องการศึกษาคือเราแค่ขยับช่วงเวลาออกไป อ.ยิ่งศักดิ์ไม่ได้ตัดแล้วไล่นักเรียนออก โรงเรียนยังคงเปิดอยู่”

บอกเลยว่าไม่คืน

อ.ยิ่งศักดิ์ :  “ถูกค่ะ”

แม้โรงเรียนจะปิดแต่บุคคลากรในโรงเรียนเราก็ยังเลี้ยงอยู่

อ.ยิ่งศักดิ์ : “คืออย่าบอกว่าเลี้ยง แต่เรียกว่าเป็นความรับผิดชอบที่เรามีต่อเขา คือครูแต่ละคนกว่าจะเก่ง กว่าจะสอนกับเราได้ เขาก็ต้องรักองค์กรทุ่มเทให้กับเรา คือถ้าโควิดมาแล้วเราให้เขาออกเลยเราทำไม่ได้ รู้ไหมว่าในช่วงโควิดเราไม่เคยตัดเงินพนักงาน เราไม่เคยจ่ายเงินครึ่งเดียว หรือปิดกิจการไปก่อนแล้วอีก 2 เดือนค่อยมาเริ่มทำ”

ได้ยินว่าขาดทุนเกือบ 7 ล้านนี่จริงไหม

อ.ยิ่งศักดิ์ : “พูดตรงๆ ค่าใช่จ่ายเฉพาะกรุงเทพเดือนหนึ่ง 2 ล้านกว่าบาทหายไปแล้ว เพราะพนักงานอ.ยิ่งศักดิ์ที่กรุงเทพมี 50 ที่เชียงใหม่มีไม่ถึง 10 แต่ที่เชียงใหม่บังเอิญอยู่ในห้างสรรพสินค้า ทีนี้ห้างก็ไม่มีคนเข้าแต่ค่าน้ำค่าไฟ เราก็ยังต้องจ่าย ที่เชียงใหม่เดือนหนึ่งประมาณ 3 แสนบาท แล้วจ่ายมาโดยไม่มีรายรับมา 16-17 เดือนแล้ว คือมูลค่าที่เอามาลงทุนเราชักทุนของตัวเองออกไปจ่ายสำรองเรื่อยๆ ที่โรงเรียนปิดเราก็ปิดตามคำสั่ง แต่กิจการเราก็ยังเปิดอยู่ เพียงแต่เราไม่สามารถให้นักเรียนมาเรียนได้ ถึงมาได้ก็สอนได้แค่โต๊ะละคน เปิดไปก็ขาดทุนอยู่ดี”

หลายคนสงสัยขาดทุนขนาดนี้ไม่คิดจะปิดกิจการบ้างหรือ

อ.ยิ่งศักดิ์ : “คือเราคิดว่าเรื่องปิดกิจการมันปิดง่าย ยิ่งเราไม่มีความรับผิดชอบและไม่เอื้ออาทรพนักงาน ของเรา เราก็ประกาศปิดได้เลย เราก็ไหลตามน้ำแล้วก็อ้างโควิด เราทำอย่างนั้นไม่ลง เราต้องคิดถึงวันที่เขาทำงานกับเรา เขาอยู่กินกับเรา วันหนึ่งที่โควิดมา เราปิดการให้เขาออกไปแล้วเขาจะไปทำอะไรกิน”

ตอนนี้ก็ขาดทุนอยู่เดือนละ 2 แสนห้า ให้เวลาอีกกี่เดือน

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็กำลังนั่งคิดอยู่ เห็นบอกว่าโควิดตอนนี้ยอดก็ลดลง วัคซีนก็เริ่มแจกจ่ายกันไปบ้างแล้ว และบางประเทศเขาก็เปิดแล้ว บางจังหวัดก็เปิดแล้ว จังหวัดที่มีคนติดไม่เกิน 10 คนก็มีเกิน 50 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ตอนนี้คนไทยก็เริ่มทีการเรียนรู้ และพวกเราก็เริ่มลุกขึ้นมาสู้  มันทำให้เรามีความหวัง ก็ขอดูสถานะการณ์ต่อไปอีก 3 เดือน หลังจากนั้นคงต้องคุยในครอบครัวแล้วว่าอะไรเอาไว้ อะไรต้องปิด”

ระหว่างทางเงินที่จ่ายไปเอาที่ไหนมาจ่าย

อ.ยิ่งศักดิ์ :  “ขอบอกว่าที่ผ่านมาอ.ยิ่งศักดิ์เป็นคนขยัน และทำงานมา 40 ปี เริ่มต้นจากเงิน 20000 บาท และเล่นแชร์เดือนละ 2000 ซึ่งเป็นเรื่องในอดีตเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และ 40 กว่าปีเป็นคนทำงาน 7 วันไม่มีวันหยุด น่าจะต้องมีสตางค์บ้าง ไม่อาจที่จะบอกว่าเอาเงินที่เก็บมาค่อนชีวิตไปกอบกู้สถานการณ์ในตอนนี้ แต่ตอนนี้ก็ใกล้หมดแล้ว ที่ผ่านมาเราจะแบ่งเงินไว้ 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือใช้ในกิจการ ส่วนที่สองคือกันไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด ส่วนที่สามถือว่าเป็นเงินของครอบครัว จะแตะไม่ได้”

ลูกๆ ให้กำลังใจอย่างไรบ้าง

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ลูก 2 คนก็ลุกมาช่วยงานมากขึ้น  มีวันหนึ่งลูกชายก็พูดว่า ถ้าป๊าไม่อยู่แล้วโควิดมาแบบนี้ผมไม่รู้เลยนะว่า ผมจะไปต่ออย่างไร พอเราได้ยิน เราเข้าใจเลยว่าเขาตกใจ แล้วเราก็คิดว่าเราจะอยู่เฉยๆ เราจะเกษียณ เราเกษียณไม่ลงเราก็ต้องลุกมาช่วยลูกเพราะกลัวเขาไปไม่ถูก ถามว่าเราน้ำตาตกไหม คือเราเป็นพ่อดังนั้นเราจะไม่ร้องไห้ให้ลูกเห็น เวลาที่เรานั่งคนเดียวตอนกลางคืน เรามองสถานการณ์โควิด มองเงินที่ไหลลู่เหมือนทำนบแตก มองดูรายได้ที่ไม่มีเลย แล้วถ้าเราต้องอยู่แบบนี้ไปอีก 3 เดือน  6 เดือน คือถ้าเรารู้ตัวก็จะเป็นอีกอย่างหนี่ง แต่นโยบายภาครัฐไม่เคยให้ความหวัง ให้ความกระจ่าง หรือให้คำแนะนำใดๆ เลยว่าต้องต่อสู้กับโควิดไปอีกนานแค่ไหน คือต่างคนต่างต้องคาดการณ์เองมันยากนะ ในการที่จะดำรงค์ชีวิตในบ้านนี้เมืองนี้ ที่เป็นแบบนี้”   

เราสร้างกำลังใจให้ตัวเองอย่างไร

อ.ยิ่งศักดิ์ : “เอาเป็นว่าเราไม่ได้ทุกข์ระทมแต่เพียงผู้เดียว แต่มันเป็นด้วยกันทั้งโลกใบนี้ และผลที่เกิดขึ้นก็เกิดจากการกระทำของมนุษย์ในโลกใบนี้  คนละเล็กละน้อย มันถึงทำให้โลกเราเป็นแบบนี้ เราท้อได้ แต่เราไม่เคยถอย ชีวิตอ.ยิ่งศักดิ์สู้ตลอด และเรามั่นใจว่าโควิดจะไปจากแผ่นดินไทยและไปจากทั้งโลก อ.ยิ่งศักดิ์ไม่เชื่อว่าคนทั้งโลกจะสูญพันธุ์เพราะโควิด”

อยากบอกอะไรกับลูกบ้าง

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็อยากจะบอกว่าชีวิตเขาเพิ่งจะเริ่มต้น เขาเพิ่งจะ 30 นิดๆ เราก็ปาไปเลย 7 แม่ก็เลย 6 กว่า คุณย่าก็ปาไปเลข 9 แล้ว ก็เป็นได้แค่กำลังใจ และตัวอย่างของความอดทน ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ ท้อเป็นได้ แต่เราต้องไม่ถอยนะลูก”

ตอนนี้หัวใจเป็นอย่างไรบ้าง

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเรามีครอบครัว จะไปมีความรักกับคนอื่นได้อย่างไร ไม่ได้เป็นคนหลายใจ ทุกวันนี้ก็อยู่กับลูกอยู่กับครอบครัว อ.ไม่เคยไปไหน ไม่เคยมีใครมาข้องแวะเกาะแกะในชีวิตเลย ด้วยบุคคลิก ท่าทางและอาชีพการงานที่ต้องเจอผู้คน ทุกคนก็รู้ว่าเราพอจะมีเงินบ้างไม่ถึงกับอดมื้อกินมื้อ มันก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีคนเข้ามาในชีวิตบ้าง”

แล้วทำไมถึงโสดมากว่า 10 ปี

อ.ยิ่งศักดิ์ : “คือคนอายุ 70 มันเป็นช่วงที่เรียกว่าเสน่ห์วาย อย่าง อ.ยิ่งศักดิ์ มีอะไรน่าเข้าใกล้ตรงไหน พูดตรงๆ ว่าสัญชาตญาณทางเพศ ว่าคนในรุ่นเรากลิ่นและความรู้สึกในการดึงคนเข้ามามันน้อยลง สิ่งเดียวที่จะดึงคนเข้ามาได้คือเงินที่เขวี้ยงออกไป”  

แล้ววันนี้มีคนที่เดินเข้ามาไหม

อ.ยิ่งศักดิ์ : “ก็มีแบบกุ๊กกิ๊กเล็กๆ เราเข้าใจว่าเขาอาจจะอยากเข้ามาลองของ อย่างเข้ามาในหลังบ้านอินสตาแกรมส่วนตัว ถามว่าพี่อยู่กับใคร แล้วเราก็ตอบเขาไปว่าถามทำไมเหรอ เขาก็บอกว่าเผื่อพี่เหงา แล้วฉันก็ตอบเขาไปเลยว่า ถ้าฉันอยากหายเหงาฉันต้องจ่ายเท่าไหร่ คนที่ถามก็หายไปเลย เพราะเรารู้เท่าทันคน ถามว่าเคยโอนไหมเราไม่เคย แต่ถ้าช่วยเหลือคนอย่าง สามพัน ห้าพัน หมื่นหนึ่ง หรือเป็นแสน ถ้าเรารู้จักและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ เราก็ช่วย”

ทุกวันนี้มีคนเข้ามาขอความช่วยเหลือเยอะไหม

อ.ยิ่งศักดิ์ : “มีเยอะ มียืมสตางค์ ซึ่งแต่ละคนไม่ได้ยืมน้อยๆ นะ ยืมหลักแสนหมดเลย เขาไม่ยืมสามพันห้าพัน แต่ละคนที่เข้ามาสองแสนอัพ แต่อาจารย์ก็ให้ไม่ได้  อาจารย์ได้แต่บอกว่าแต่ก่อนเงิน 2 แสนนี่เรื่องเล็กนะ แต่ตอนนี้เงินในเอทีเอ็มเหลือ 3 หมื่น 5 หมื่นก็ดีใจจะตายแล้ว แล้วก็ใช้จ่ายเงินแบบคิดแล้วคิดอีก”

แล้วตอนนี้มีปลื้มใครบ้างไหม

อ.ยิ่งศักดิ์ : “อาจจะมีบ้างที่ปลื้มคนโน้นคนนี้ มันเป็นเรื่องปกติเพราะเรานั่งในโซเชียลก็ส่องแอปโน้นแอปนี้ ว่าหน้าตาเด็กรุ่นนี้ทำไมเก๋จัง คือมันก็ไม่ผิดถ้าเราจะเข้าไปในแอปหาคู่ซึ่งเป็นเรื่องปกติ คือมันมีแอปสนุกสนานอะไรเราต้องเข้าไปให้หมด เพราะมันเป็นสิ่งที่เพิ่งรู้ คือเราเข้าไปเพื่อรู้ถึงวิวัฒนาการของคนรุ่นหลัง ถ้าเราอยากจะอยู่กับอนาคตเราต้องอยู่กับเด็กที่เขาเป็นปัจจุบัน ที่เราเข้าไปก็เพื่อการเรียนรู้” 

แล้วตอนเข้าไปเราใช้รูปจริงไหม

อ.ยิ่งศักดิ์ : “รูปจริง ตัวจริง น้องยิ่ง ยิ่งศักดิ์ ไม่เห็นต้องไปแคร์อะไร คือชอบใช้คำว่าน้องยิ่งมันดูเป็นกันเอง แต่คนที่ทักตอบเขาเรียกฉันว่าอาจารย์ยาย เราก็สนุกขำๆ ก็เป็นความบันเทิงในจิตใจ พอกรุบกริบ ลูกก็เห็นหมด เวลาเราไปทำอะไรกับใครในแพทฟอร์มของเฟสบุ๊ค เพราะอ.ยิ่งศักดิ์เป็นคนไม่ปิด แล้วทุกคนก็จะรู้ว่า วันๆ หนึ่งเราคบใครเราคุยกับใคร การเปิดเผยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด พอเราปิดเราหลบเราซ่อนกับคนที่บ้าน อันตรายถึงชีวิตจะมาถึงตัว”

เห็นว่ามีรายการไปถ่ายรายการที่บ้าน ผ่านไป 1 วันก็มีโจรขึ้นบ้าน

อ.ยิ่งศักดิ์ : “เรียกว่าเขามาเยี่ยมบ้าน แล้วเราก็เปิดบ้านให้ดูคือเรามีบ้านหลายหลังมาก บ้านหลังหนึ่งจะแต่งเป็นจีน หลังหนึ่งแต่งเป็นยุโรป ซึ่งเป็นหลังเล็กๆ แต่เราจะใส่ใจในทุกรายละเอียดมาก ซึ่งเราเป็นคนละเอียดและปราณีตเรื่องการจัดบ้านมาก ก็ดำเนินรายการด้วยดี แต่พอผ่านไปหนึ่งวัน   บ้านก็โดนงัดเยินไปเลย เพราะข้างบ้านมีก่อสร้าง เขาเข้าทางหลังคาทะลุฝ้าแล้วออกทางประตูสวยๆ แล้วเครื่องเสียงแสนกว่าก็หายไป แต่คงเอาไปไม่ครบเพราะเห็นถอดสายลำโพงกระจุยกระจาย ตั้งแต่นั้นมาขอบอกผ่านตรงนี้เลยว่า งดเยี่ยมบ้านน้องยิ่งนะ ไม่กล้าเปิดบ้านแล้ว เพราะได้ค่าถ่ายรายการไม่พอค่าซ่อมหลังคา ถามว่าจับได้ไหมจะไปจับอย่างไร คนต่างชาติทั้งนั้น  ถามวานอกจากเครื่องเสียงแล้วมีอะไรหายไปอีก ก็นอกจากเครื่องเสียงแล้วก็มีของกระจุกกระจิกเพราะปกติจะไม่เก็บเงินทองในบ้านที่ไม่มีคนอยู่ มูลค่าที่โดนไปก็ 2 แสนกว่าบาท คือเราก็ไม่รู้ว่าเขาเอาไปแล้วเขาจะรู้มูลค่าหรือเปล่า”

ติดตามชมคำสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการคุยแซ่บShow  ทุกวันจันทร์-วันศุกร์  เวลา 13.40-14.40 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

Next Post

ภาพเต็ม! พิธีจดทะเบียนสมรส "จั๊กจั่น อคัมย์สิริ" เรียบง่ายและอบอุ่น บ่าวสาวสวยหล่อสมกันมาก

เสาร์ พ.ค. 29 , 2021
ได้ฤกษ์มงคลจัดพิธีจดทะเบียนสมรสเริ่มต้นชีวิตคู่อย่างเป็นทางการ สำหรับคู่รักคู่หวานระหว่างนางเอกสาว จั๊กจั่น-อคัมย์สิริ สุวรรณศุข กับนักธุรกิจหนุ่ม เค-วัฒนา เจริญศักดิ์วัฒนา ท่ามกลางเสียงชื่นชมยินดีและคำอวยพรจากเพื่อนพ้องคนบันเทิงที่ส่งมาให้อย่างล้นหลาม อีกทั้งบรรยากาศภายในงานก็ยังเป็นไปอย่างเรียบง่า […]