รีวิว “HUAWEI P60 Pro” ตำนานมือถือกล้องเทพ กลับมาแล้ว

มาพบรีวิวจากทีม Hitech กันอีกครั้งในรอบนี้มาพบกับรีวิวมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดอีกรุ่นที่เปิดตัวไม่นานและตอนนี้ก็จัดว่ากระแสแรงเพราะเขากลับมาเพราะกล้องที่ยกระดับมากขึ้น แต่จะดีแค่เรื่องเดียวจริงไหม มาพบกับรีวิวจับจริงกับ Huawei P60 Pro ครับ 

รายละเอียดสเปกของ Huawei P60 Pro 

  • ขนาดตัวเครื่อง (ยาว x กว้าง x หนา) 161 x 74.5 x 8.3 มม. 
  • น้ำหนัก 200 กรัม 
  • หน้าจอ OLED ขนาด 6.81 นิ้วความละเอียดระดับ 1220 x 2700 พิกเซล พร้อมค่า Refresh Rate ระดับ 120Hz รองรับ HDR 10 
  • ชนิดกระจกกันรอย Huawei Kunlun Glass 
  • ชิปเซ็ตประมวลผล Qualcomm Snapdragon 8+ Gen 1 รองรับ 4G 
  • กราฟิก : Adreno 730 
  •  RAM ขนาด 8GB 
  • พื้นที่จัดเก็บภายใน : 256GB 
  • พื้นที่จัดเก็บภายนอก : NM Card 
  • การเชื่อมต่อ WiFi11 B/G/N/AC/AX, Bluetooth 5.2, 4G, GPS (L1+L5), GLONASS (L1), BDS (B1I+B1c+B2a), GALILEO (E1+E5a), QZSS (L1+L5), NavIC (L5) 
  • ลำโพง : Dual Speaker บนและล่าง 
  • กล้องดิจิทัลด้านหน้า 
    • ตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F/1.8 PDAF เป็น Ultra Wide 
    • วิดีโอ : 4K@30/60fps, 1080p@30/60/240fps 
  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ปรับรับแสงได้ตั้งแต่ F/1.4 – F/4.0 พร้อม PDAF, Laser AF, OIS 
    • มุมกว้างความ 13 ล้านพิกเซล 
    • เลนส์กล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล PDAF + OIS ระยะซูม Optical 3.5x, Hybrid Zoom 10x ซูมสูงสุด 100x รูรับแสง F/2.1 
    • วิดีโอถ่ายได้ที่ 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120/240/480fps, 720p@960fps, 720p@3840fps, HDR, gyro-EIS 
    • LED Flash 
  • ตัวเครื่องกันน้ำกันฝุ่น :IP68 กันน้ำได้ 2 เมตร นาน 30 นาที กันฝุ่นได้ 100% 
  • ระบบปลดล็อค Face Recognition และ ระบบสแกนนิ้วในหน้าจอ 
  • แบตเตอรี่ความจุ 4815mAh 
  • รองรับระบบชาร์จไฟเร็ว 88W (HUAWEI Super Charge) + Wireless Charge กำลัง 50W + Revese Wireless Charge กำลัง 7.5W 
  • ทำงานอยู่บนระบบปฏิบัติการ EMUI 13 
  • สี ดำ, ขาว (Rococo Pearl) 

เปิดกล่องของ Huawei P60 Pro ประกอบด้วย 

  • ตัวเครื่อง Huawei P60 Pro 
  • เคสใส 
  • ที่ชาร์จกำลัง 88W รองรับการเสียบทั้ง USB-C และ USB-A 
  • เข็มจิ้มถาดใส่ซิม 
  • คู่มือ / ใบรับประกัน 

รูปลักษณ์ดีไซน์ 

 เริ่มต้นกับด้านหน้าของเครื่อง ยังคงเอกลักษณ์ของ Huawei P-Series กับหน้าจอโค้งแต่รอบนี้จะมีขนาด 6.67 นิ้ว OLED และโค้งรับทั้ง 4 มุมหรือ Quad-Curved ดูแล้วสบายตา

ด้านบนสุดมาพร้อมกับกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, การแจ้งเตือน และลำโพง Ear Peace ซ่อนไว้ข้างบน

ด้านล่างมีปุ่มควบคุมระบบปฏิบัติการ โดยมีให้เลือกใช้งานทั้งแบบปัด หรือ ปุ่มกด สามารถปรับแต่งตั้งค่าได้ Setting หรือ ตั้งค่า

รอบตัวเครื่องยังเป็นวัสดุอลูมิเนียมชุบโครเมียม โดยสีดำจะเป็นแบบแบบ Smoke Chrome ที่ดูแล้วประณีตอย่างมาก ประกอบด้วย ด้านฝั่งซ้ายไม่มีปุ่มติดตั้งมาให้

ฝั่งขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่ม Power สามารถกดเปิด / ปิด และเรียกระบบ Voice Assistant ได้ด้วย

ส่วนบนมี IR Blaster, ไมโครโฟน, ลำโพงตัวที่ 2

ส่วนล่างมีทั้งลำโพงตัวเครื่อง, ไมโครโฟน, USB-C และถาดใส่ซิมที่สามารถใส่ซิมได้ทั้งหมด 2 NanoSIM แถมยังเพิ่มความจำผ่าน Nano Memory แทนในช่องซิม 2 ได้อีกด้วย

พลิกมาด้านหลัง มีการออกแบบให้กล้องไว้ตำแหน่งด้านบนโดดเด่นอย่างมากผิวสัมผัสของสีดำเป็นแบบทรายและจับแล้วถนัดมือ แต่ถ้ากลัวลื่นก็ใส่เคสได้ครับ

น้ำหนัก / การจับถือ 

 จากที่สัมผัสมาเครื่องมีน้ำหนักแค่ 200 กรัมเท่านั้น ด้วยการออกแบบเครื่องไม่ได้กว้างมากทำให้ถือได้สะดวกมากกว่า Mate 50 Pro เป็นเอกลักษณ์สำหรับ P-Series ของ Huawei เช่นเดียวกัน

สำหรับสีสันนอกจากสีดำที่จับแล้วไม่เป็นรอยนิ้วมือและดูหรูหราไปอีกแบบ ก็ยังมีอีกสีที่มีชื่อว่า Rococo Pearl โดยสีนี้จะเป็นขาวมุกที่มีลวดลายเหมือนกับหินอ่อน 

การแสดงผล / ระบบเสียงของเครื่อง 

 สำหรับหน้าจอจะมาพร้อมกับ การแสดงผลแบบ OLED ความละเอียด 1220 x 2700 พิกเซล สีสันคมชัดเตะตากำลังดี และหน้าจอโค้งช่วยเพิ่มพื้นที่ได้พอสมควร และยังมีโหมดถนอมสายตา การเล่นเกมและการสัมผัสหน้าจอถือว่าทำได้ลงตัวเลยครับ แต่เกมแนะนำว่า ดาวน์โหลดผ่าน App Gallery ดีกว่า

สำหรับลำโพงของเครื่องรุ่นนี้มีทั้งด้านบนและล่างให้เสียงที่ดังดีใช้ได้และมี Huawei Histen ปรับแต่งระดับเสียงได้ด้วย แต่ว่าด้านบนจะเบากว่าด้านล่างพอสมควร รองรับ Hi-Res Audio ด้วยนะ

ประสิทธิภาพของเครื่อง / การเชื่อมต่อไร้สาย 

 

ถึงแม้จะได้ขุมพลังที่ช้ากว่าแค่ 1 รอบสำหรับ Huawei P60 Pro แต่สิ่งที่มือถือรุ่นนี้ทำได้จากโปรแกรมวัดประสิทธิภาพถือว่าทำได้เกินความคาดหมายอยู่ครับ

นอกจากนี้ในโหมดของการเล่นเกมยังมี Game Assist ฟีเจอร์ช่วยเกี่ยวกับการเล่นเกมเช่นเคลียร์ความจำที่ค้าง, ปรับความเร็วในการการทำงานของเครื่องดึงประสิทธิภาพของเครื่องเข้าสู่โหมดสูงสุดได้ง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเดียวและยังจัดการแจ้งเตือน เปิดโปรแกรมแบบหน้าต่างย่อได้ด้วย

การเชื่อมต่อไร้สายของ Huawei P60 Pro จะรองรับ 4G, Wi-Fi6, Bluetooth 5.2, GPS, A-GPS มาแบบครบๆ เลยครับ

ระบบปฏิบัติการ / ฟีเจอร์ภายใน / ระบบความปลอดภัย 

Huawei P60 Pro ยังมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ EMUI 13 ที่สามารถใช้งานได้ง่ายแบ่งแยกระหว่าง การแจ้งเตือน (Notification) และ การตั้งค่าด้วยหรือ Quick Setting นอกจากนี้ยังสามารถเปิดได้พร้อมกับ 3 หน้าจอ

ส่วนลูกเล่นต่างๆ คล้ายกับ Huawei Mate / P-Series รุ่นก่อนๆ ประกอบด้วย

  • Smart Service Widget EMUI 13 ออกแบบให้สามารถนำ Service Widget ย่อ Apps ขนาดใหญ่มาอยู่ใน Widget Service ขนาดเล็กเช่นการบอกการออกกำลังกาย ก้าวเดิน หรือ เล่น Playlist ที่ต้องการได้
  • Smart Folder สามารถรวม Apps หรือ Widget เข้าเป็นที่เดียวกันเพื่อให้สะดวกในการค้นหา และช่วยจัดรูปแบบให้เรียบร้อยแถมยังจัดรูปแบบขนาดได้หลากหลาย
  • Stack Widget สามารถสร้างเป็นเค้าโครงเดสก์ท็อปโดยการวางการ์ดในแบบของคุณและสร้างแอปที่คุณสนใจในรูปแบบของ waterfall flow ซึ่งสามารถดูได้โดยการปัดขึ้นและลงได้ตามต้องการเพิ่มพื้นที่เดสก์ท็อปให้มากขึ้น
  • Privacy and Security Center ศูนย์ความเป็นส่วนตัวจะแสดงให้คุณเห็นว่าแอปของคุณใช้สิทธิ์ใดและความถี่ที่แอปของคุณเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลด้วยแดชบอร์ดที่ใช้งานง่ายเพื่อควบคุมคุณให้พ้นจากแอปและบริการที่มีความเสี่ยง ศูนย์รักษาความปลอดภัยสามารถสแกนหาความเสี่ยงด้านความปลอดภัยไวรัสและพฤติกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติ
  • นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ความอื่นๆ ในการอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็น การกำหนดเรื่องข้อมูลของภาพ Image Privacy ลบข้อมูลสำคัญเช่นการบอกสถานที่ถ่ายภาพ / เวลา และชื่ออุปกรณ์
  • Super Storage ระบบจัดการพื้นที่จัดเก็บ โดยสามารถดูข้อมูลที่ซ้ำรวมไปถึงรูปภาพและวิดีโอทำให้จัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Super Device ยังคงมีมาให้ทำให้สามารถตอบสนองกับการเชื่อมต่อ, Notebook, Tablet, หูฟัง รวมไปถึง Smart Watch ได้ดีและมีประสิทธิภาพ
  • Mee Time ระบบการประชุมและพูดคุยรองรับการใช้งานได้สูงสุด 12 ผู้ใช้งาน เพลิดเพลินกับประสบการณ์การสนทนาทางวิดีโอแบบ HD 1080P

การดาวน์โหลดโปรแกรมต่างๆ ทำได้ผ่าน Huawei AppGallery ยังคงเป็น ตลาดดาวน์โหลดแอปฯ ที่ใหญ่ติดหนึ่งในสามของโลก จัดมาให้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์ ให้ใช้สมาร์ทโฟนหัวเว่ยกันได้แบบเต็มพิกัด รับรองว่าครบครันทันเทรนด์ปัจจุบันแน่นอน สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฮิตที่คุ้นเคยได้จาก AppGallery ค้นหาแอปฯ ที่ต้องการครอบคลุมทั้งหมวดโซเชียล ความบันเทิง ธุรกรรมการเงิน ถ่ายภาพ เกม ชอปปิง และไลฟ์สไตล์

อาทิ LINE MAN, Grab, TikTok, WeTV, Major Cineplex, Free Fire, PUB G, Summoner War, Douluo Dalu, Shopee, Lazada, 7-Eleven TH, Blockdit, Comico, TrueID, KPlus, SCB Easy, เป๋าตัง หมอพร้อม และ Apps ของเว็บไซต์ ก็มีอย่าลืมไปดาวน์โหลดมาเยอะๆ นะครับ พร้อมสิทธิพิเศษต่างๆ เพื่อเอกสิทธิ์ของผู้ใช้หัวเว่ยเท่านั้น

 

สำหรับความปลอดภัยจะมาพร้อมกับระบบสแกนนิ้วมือในหน้าจอ ส่วนระบบสแกนใบหน้าเป็นแบบปกติ เพราะไม่มี 3D ToF มาให้

เปิดกล้องลองถ่ายภาพ 

สำหรับกล้องของ Huawei P60 Pro รุ่นใหม่ล่าสุดนี้จะประกอบไปด้วยดังนี้  

  • กล้องดิจิทัลด้านหน้า 
    • ตัวหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F/1.8 PDAF เป็น Ultra Wide 
    • วิดีโอ : 4K@30/60fps, 1080p@30/60/240fps 

  • กล้องดิจิทัลด้านหลังจำนวน 3 ตัว แบ่งออกเป็น 
    • กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล ปรับรับแสงได้ตั้งแต่ F/1.4 – F/4.0 พร้อม PDAF, Laser AF, OIS 
    • มุมกว้างความ 13 ล้านพิกเซล 
    • เลนส์กล้องซูมแบบ Periscope ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล PDAF + OIS ระยะซูม Optical 3.5x, Hybrid Zoom 10x ซูมสูงสุด 100x รูรับแสง F/2.1 
    • วิดีโอถ่ายได้ที่ 4K@30/60fps, 1080p@30/60/120/240/480fps, 720p@960fps, 720p@3840fps, HDR, gyro-EIS 
  • LED Flash 

ฟีเจอร์ภายในสำหรับการถ่ายภาพ 

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของ UX สำหรับฟีเจอร์กล้องคือยังมีกรเลือกเมนูด่วนของทุกโหมดของกล้องแค่ปัดจากด้านล่างขึ้นด้านบนเท่านั้น และยังสามารถปรับแต่งของ Profile สีของภาพได้แก่

  • ภาพต้นฉบับ
  • ปรับให้สีสดขึ้น
  • ปรับให้สว่างมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนเมนูการซูมที่จะสามารถปรับแต่งในเรื่องเมนูการซูมที่เป็นแบบวงแหวนช่วยให้การเลือกระยะได้ง่ายมากขึ้น โดยรอบนี้มาพร้อมกับการปรับรูรับแสงได้แต่จะต้องเข้าโหมด Aperture หรือ รูรับแสงโดยจะปรับได้ทั้งแบบ F/1.4 – F/4.0

ที่สำคัญในโหมดการซูมนั้นยังรองรับการเข้าใกล้ หรือ Macro ได้ทั้งระยะ 1 เท่า และ ระยะ 3.5 เท่า หรือใช้เลนส์ Telephoto เช่นเดียวกัน ส่วนโหมดการถ่ายภาพที่เหลือทั้งวิดีโอ ยังสามารถถ่ายในแบบปรับรูรับแสงแต่ว่าจะเป็นวิดีโอ 1080p / 24FPS เท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ การถ่ายภาพ Slowmotion 1080p ที่ 960 fps, Timelapse, Dual Camera, Multi-Cam ที่ต่อเชื่อมกับมือถือ Huawei ที่รองรับฟีเจอร์แบบเดียวกันให้ต่อเชื่อมกับเครื่องรุ่นนี้เปลี่ยนมุมโดยใช้กล้องแทน

และกล้องหน้านั้นแม้ความละเอียดจะอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่จุดเด่นคือเป็นอีกมือถือรุ่นหนึ่งที่มีการปรับระยะของภาพได้ตั้งแต่ 0.6x / 0.8x / 1x และนอกจากนี้ยังการถ่ายวิดีโอ 4K 60/30FPS

ผลงานภาพของ Huawei P60 Pro 

(กล้องหลัง) 

 







ภาพแสงปกติ






สภาพแสงน้อย









การเข้าใกล้ / บุคคล

(กล้องหน้า) 

 

แบตเตอรี่ และ ระบบชาร์จไฟ ของ Huawei P60 Pro 

มาถึงเรื่องแบตเตอรี่ของ Huawei P60 Pro จะมาพร้อมกับขนาด 4815 mAh เมื่อใช้งานพบว่าอึดประมาณหนึ่ง ส่วน PC Mark ที่ทำการทดสอบได้ที่ 11 ชั่วโมง (จากไฟ 100 – 18%)

ส่วนระบบชาร์จไฟของ HUAWEI P60 Pro นั้นจะมีหน้าตาที่แปลกไปหน่อย โดยจะมีที่ชาร์จไฟมีให้เลือกทั้งหมด 2 แบบด้วยกันประกอบด้วย ช่องเสียบ USB-A โดยช่องแรกจะจ่ายไฟได้ที่กำลัง 66W เท่านั้น แต่ว่า ถ้าจะได้ชาร์จไฟกำลังสูงสุด 88W จะต้องใช้ USB-C ที่รองรับกำลัง 100W ขึ้นไป ซึ่งหาได้ทั่วไป

สรุปหลังจากที่ทีม Hitech ได้ทดลองใช้งาน Huawei P60 Pro มาสักพักหนึ่ง 

 Huawei P60 Pro จัดเป็นมือถือระดับเรือธงอีกรุ่นที่ให้ลูกเล่นเยอะพอสมควรและยังเน้นเรื่องกล้องมากพอสมควร เพราะเห็นได้จากการปรับปรุง XMAGE รอบนี้ที่ทำให้การถ่ายภาพนั้นทำได้ดีมากขึ้น และใช้งานง่าย ทั้งนี้เรื่องที่จะตัดสินใจว่าคุณจะเลือกหรือไม่ก็คือ ยังรับได้ไหมถ้าไม่มีบริการ Google Service อันนี้ต้องไปหาคำตอบกันเอาเอง แต่ภาพรวมกลายเป็น P-Series ที่น่าใช้อีกรุ่น

ส่วนราคาที่เคาะอยู่ที่ 37,990 บาท สำหรับรุ่นเริ่มต้น RAM 8GB / 256GB และ 43,990 บาท สำหรับ RAM 12GB / 512GB และยังมีโปรโมชั่นเพิ่มความจุอยู่ดังนั้นในช่วงนี้ ใครสนใจก็อย่าลืมไปสอบถามทางช่องทางการวางจำหน่ายของ Huawei นะครับ

จุดเด่น

  • การออกแบบสวยจับถนัดมือ
  • กล้องสเปกดี Macro เข้าได้ 2 ระยะ
  • ขุมพลังแรงใช้ได้และไม่ได้ร้อนมาก
  • ความลื่นไหลในการใช้งานที่มาเต็ม
  • ฟีเจอร์กล้องครบและใช้งานง่าย

ข้อสังเกต

  • ไม่รองรับบริการของ Google
  • จะชาร์จไฟได้กำลังเต็มจะต้องเสียบ USB-C ที่ต้องซื้อแยกเท่านั้น

Next Post

[รีวิว] ASUS Zenbook S 13 OLED (UX5304VA-NQ731WS) บางเบา แต่สเปกไม้ได้มาเล่นๆ  

อาทิตย์ พ.ค. 14 , 2023
  ASUS Zenbook S 13 OLED คอมพิวเตอร์บางเบาที่น่าใช้งานไม่เบากับราคาที่ 49,990 บาท กับน้ำหนัก 1 กิโลกรัม